สิ่งสำคัญที่ผู้ใหญ่หลายคนมองข้าม คือ การจัดแสงไฟให้เหมาะสมกับเด็ก เพราะนอกจากจะใส่ใจเรื่องทิศทางลม และความโล่งโปร่งสบายแล้ว ต้องใส่ใจกับรายละเอียดของแสงไฟ และคำนึงถึงคุณภาพของสินค้า เพื่อให้เหมาะสมกับทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อน หรือพื้นที่สำหรับการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ของลูกๆ
1. เลือกหลอดไฟที่มีคุณภาพผ่านมาตรฐาน มอก. : การเลือกหลอดไฟควรคำนึกถึงคุณภาพของสินค้าเป็นอย่างแรก ควรเลือกหลอดไฟที่ทำจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารปรอท
2. เลือกสีของแสงไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน : เรื่องแสงเป็นเรื่องสำคัญ หากในห้องมีโต๊ะอ่านหนังสือ ควรเลือกแสงที่ช่วยถนอมสายตา เช่น แสงสีนวล (Warm white) หากเป็นห้องทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก เเนะนำเป็นแสงธรรมชาติ หรือ แสง (Daylight)
3. เลือกใช้โคมไฟ แทนการเปิดไฟทั่วห้องนอน : เด็กบางคนอาจไม่ชอบความมืด จึงทำให้หลายครั้งเราอาจเเก้ปัญหาด้วยการเปิดไฟทั่วห้อง แต่อาจส่งผลให้เด็กนอนหลับไม่สนิท และนอนไม่เพียงพอ เพื่อให้เด็กได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ แนะนำให้หาโคมไฟเล็กๆ ไว้ที่หัวเตียงเพื่อไม่ให้สว่างจนเกินไป และไม่ไปรบกวนการนอน นอกจากนี้ยังทำให้เด็กอุ่นใจที่มีแสงไฟอยู่
4. ไม่ควรติดไฟแค่ดวงเดียวทั้งห้อง : เราอาจคิดว่าการติดไฟแค่ดวงเดียวก็พอแล้วสำหรับห้องเด็ก แต่การเลือกติดหลอดไฟหลายดวงตามจุดต่างๆ ของห้อง นอกจากจะสามารถตกแต่งห้องให้สวยงามแล้ว ยังช่วยกระจายแสงไฟให้ทั่วถึงทั้งห้อง โดยไม่เกิดมุมมืดที่อาจทำให้ต้องเพ่งมองสิ่งของได้
5. ให้ห้องได้มีพื้นที่ของแสงธรรมชาติ : แสงแดดเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเด็กเพราะมีส่วนช่วยให้เด็กอารมณ์ดี นอกจากนี้รังสีอัลตราไวโอเลตยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ห้องนอนและห้องเด็กเล่น ควรหันหน้าไปทางที่มีแสงแดดส่องถึงได้ดี
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 5 เคล็ดลับที่เรานำมาฝากกันวันนี้ หวังว่าจะนำไปปรับใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกันนะคะ เพราะทุกช่วงการเติบโตของเด็ก ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญ
Starlight ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมมาตรฐานโรงงานผลิต